วันอังคารที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

บันทึกสะท้อนการเรียนรู้ครั้งที่ 3

สิ่งที่ดิฉันได้จากการเรียนรู้

       1. การเขียน คือ การถ่ายทอดความรู้ ความคิด ความรู้สึก และความต้องการ ฯลฯ ของผู้ส่งสารออกไปเป็น " ลายลักษณ์อักษร " เพื่อสื่อความหมายให้ผู้รับสารอ่าน ทำความเข้าใจ และตอบสนองได้ตรงกับวัตถุประสงค์ของผู้สงสาร 
       2. ลักษณะของภาษา แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ ภาษาปากหรือภาษาพูด เช่น แดก, กระบาน, และรถเครื่อง เป็นต้น ภาษากึ่งแบบแผนหรือภาษากึ่งราชการ เช่น กิน, หัว, และมอเตอร์ไซต์ เป็นต้น ภาษาแบบแผนหรือภาษาราชการ เช่น รับประทาน, ศรีษะ, และรถจักรยานยนต์ เป็นต้น
       3. ข้อแนะนำในการใช้ภาษาเขียน 
            3.1 ใช้คำให้ตรงกับความหมาย คือ มีความหมายโดยตรงหรือโดยนัยหรือมีความหมายแฝง
            3.2 คำที่มีหลายความหมาย เช่น กริยา/กิริยา กริยาใช้กับคำที่แสดงอาการของคำนามและสรรพนาม และกิริยาใช้กับอาการแสดงท่าทาง เป็นต้น
            3.3 คำที่มีความหมายคล้ายกัน เช่น ปรานี/ปราณี ปรานีใช้สำหรับการเอ็นดูด้วยความน่าสงสาร และปราณีใช้สำหรับผู้ที่มีชีวิต,สัตว์,คน เป็นต้น
       4. การใช้คำให้ถูกต้อง
            4.1 คำลักษณนาม เช่น ปิ่นโต 2 เถา, จินนี่ให้พร 3 ประการ เป็นต้น
            4.2 คำเชื่อม เช่น และ, กระทั่ง, ทั้งนี้, แต่ เป็นต้น
            4.3 คำในสำนวน เช่น กงเกวียนกำเกวียน คือ เวรสนองเวร กรรมสนองกรรม, ดาบสองคม คือ มีทั้งคุณและโทษ เป็นต้น
            4.4 คำราชาศัพท์ 

ความรู้ใหม่ที่ดิฉันได้รับ

       1. คำที่ถูกต้องจากที่เข้าใจผิด คือ ทะเลสาบ, สาปแช่ง, เหม็นสาบ, แมลงสาบ, สาบสูญ 
       2. คำทับศัพท์ที่ถูกต้องจากที่เข้าใจผิด คือ อินเทอร์เน็ต, ดิจิทอล, อิเล็กทรอนิกส์, อีเมล, เว็บไซต์

ข้อเสนอแนะ

       1. ในการใช้คำให้เหมาะสมกับบุคคลและกาลเทศะ การใช้คำสุภาพให้เหมาะสมกับบุคคล เป็นเรื่องที่คนไทยถือเป็นเรื่องที่สำคัญ ควรใช้ให้ถูกต้องและเหมาะสม
       2. การใช้คำให้เหมาะสมกับความรู้สึก คำบางคำในภาษาไทยจะแสดงความรู้สึกของผู้ใช้ภาษาได้ ว่ารู้สึกเช่นใด ในขณะเดียวกันก็จะส่งผลต่อความรู้สึกของผู้รับสารได้เช่นกัน หวังว่าท่านจะนำความรู้เหล่านี้ไปเป็นพื้นฐานในการใช้ภาษาไทยในชีวิตประจำวันได้อย่างถูกต้อง

นางสาวกัณตา  พุทธสาร   รหัสนักศึกษา 55113400178  ตอนเรียน D1
       

วันอังคารที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

บันทึกสะท้อนการเรียนรู้ครั้งที่ 2

สิ่งที่ดิฉันได้รับจากการเรียนรู้

       1. ความหมายของภาษา ภาษาคือเสียงที่มีความหมาย มีระเบียบ มีไวยกรณ์ของแต่ละภาษา ภาษาจึงเกิดจากการเรียนรู้ธรรมชาติโดยมีสิ่งแวดล้อมเป็นตัวกำหนด ภาษาจึงมีจำนวนประโยคไม่รู้จบมักมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา
       2. ประเภทของภาษา ได้แก่ วจนภาษาคือ การสื่อสารด้วยวาจา เช่น ภาษาพูด, ภาษาเขียน อวจนภาษาคือ การสื่อสารโดยมิใช่วาจา เช่น การแสดงออกทางสีหน้า และจักษุสัมผัสคือ การสื่อสารโดยการมองเห็น เช่น ป้ายจราจร, สัญลักษณ์ที่กำหนดร่วมกัน
       3. เอกลักษณ์ของภาษาไทยที่ไม่เหมือนใคร
       4. ภาษาพูด คือ ภาษาที่ผู้ใช้ภาษาใช้สื่อสารในชีวิตประจำวันด้วยการพูด
       5. ภาษาเขียน คือ เป็นภาษาลายลักษณ์อักษรที่บันทึกไว้เป็นหลักฐานได้มาตราฐาน
       6. ความแตกต่างระหว่างภาษาพูดและภาษาเขียน

ความรู้ใหม่ที่ดิฉันได้รับ

       ในปัจจุบันวัยรุ่นได้นำภาษาพูดไปใช้จดบันทึกต่างๆ เป็นภาษาเขียน จนเกิดการจดจำและนำไปใช้ในแบบที่ผิดๆ คำใดเป็นภาษาพูด คำใดเป็นภาษาเขียน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับกาลเทศะในการใช้คำนั่นๆ บางคำก็ใช้เป็นภาษาเขียนอย่างเดียว และบางคำก็เป็นทั้งภาษาพูดและภาษาเขียน

ข้อเสนอแนะ

       ในการที่เราจะสื่อสารอะไรออกไปนั่น เราควรจะสื่อสารให้ชัดเจนและถูกต้อง เพราะเพียงแค่ คำ 1 คำ ถ้าผิดเพี้ยนไปก็สามารถที่จะทำให้ผู้รับสารเข้าใจไม่ตรงกันได้

นางสาวกัณตา   พุทธสาร  รหัสนักศึกษา55113400178 ตอนเรียน D1

วันจันทร์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

บันทึกสะท้อนการเรียนรู้ครั้งที่ 1

สิ่งที่ดิฉันได้จากการเรียนรู้

       เนื่องด้วยในปัจจุบันนี้ มีเทคโนโลยีใหม่ๆ เพิ่มขึ้นมากมาย เพื่ออำนวยความสะดวกในด้านต่างๆ มีทั้งผลดีและผลเสียในเวลาเดียวกัน จนส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตในด้านต่างๆ ของมนุษย์ รวมถึงด้านการศึกษา ที่ส่งผลถึงลักษณะของครูในอนาคตด้วย 
       ครูในอนาคตจะต้องมีแนวการเรียนการสอนที่หลากหลายเพิ่มมากขึ้น ไม่ได้แค่เพียงยึดแต่ตัวผู้สอนเป็นหลัก แต่จะต้องหันมาปรับเปลี่ยนการเรียนการสอนโดยให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมด้วย โดยสอนให้ผู้เรียนมีทักษะการใช้ชีวิต ทักษะการคิด และทักษะไอที ไอทีในที่นี้ไม่ได้หมายถึงแค่เพียงการใช้คอมพิวเตอร์เป็น หรือการใช้ไอแพดเป็นเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ผู้เรียนจะต้องสืบค้นข้อมูลที่มีความน่าเชื่อถือ และนำข้อมูลเหล่านั้นมาวิเคราะห์เพื่อนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้
       นอกจากนั้น ครูในอนาคตจะต้องเชื่อมต่อการเรียนรู้นอกห้องเรียน โดยกระบวนการเรียนรู้ต้องมีลักษณะของการให้ผุ้เรียนไปท่องโลก เมื่อมีประสบการณ์ผุ้เรียนก็กล้าที่จะแชร์ให้คนอื่นได้ทราบ

ความรู้ใหม่ที่ดิฉันได้รับ

       ได้เรียนรู้วิธีการสร้างและใช้งานบล๊อก โดยมีการส่งงานผ่านทางบล๊อก ทำให้ผู้เรียนสามารถใช้เป็นเครื่องมือสร้างความรู้ บันทึกข้อมูล เรื่องราว ข่าวสาร และประสบการณ์ต่างๆ ในสิ่งที่สนใจได้ โดยเป็นการถ่ายทอดสิ่งที่ถูกบันทึกไว้ในสมองลงสู่ตัวหนังสือ ทำให้มีอิสระทางความคิดในรูปแบบที่เป็นตัวของตัวเอง อีกทั้ง ผู้เรียนยังสามารถเก็บรวบรวม แก้ไขหรือเพิ่มเติมข้อมูลความรู้ต่างๆ ได้โดยสะดวกรวดเร็ว และบล๊อกยังเป็นเครื่องมือเผยแพร่ความรู้ให้กับผู้เรียนได้อีกด้วย

ข้อเสนอแนะ

       สำหรับตัวดิฉันมีความสุขมากกับการได้ฝึกทำบล๊อก ได้รับความรู้มากมาย เมื่อนำไปฝึกฝนต่อยอดก็ทำให้มีความรู้และทักษะในการใช้คอมพิวเตอร์เพิ่มมากขึ้น

นางสาวกัณตา พุทธสาร ตอนเรียน D1 รหัสนักศึกษา 55113400178