สิ่งที่ดิฉันได้จากการเรียนรู้
1. การเขียน คือ การถ่ายทอดความรู้ ความคิด ความรู้สึก และความต้องการ ฯลฯ ของผู้ส่งสารออกไปเป็น " ลายลักษณ์อักษร " เพื่อสื่อความหมายให้ผู้รับสารอ่าน ทำความเข้าใจ และตอบสนองได้ตรงกับวัตถุประสงค์ของผู้สงสาร
2. ลักษณะของภาษา แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ ภาษาปากหรือภาษาพูด เช่น แดก, กระบาน, และรถเครื่อง เป็นต้น ภาษากึ่งแบบแผนหรือภาษากึ่งราชการ เช่น กิน, หัว, และมอเตอร์ไซต์ เป็นต้น ภาษาแบบแผนหรือภาษาราชการ เช่น รับประทาน, ศรีษะ, และรถจักรยานยนต์ เป็นต้น
3. ข้อแนะนำในการใช้ภาษาเขียน
3.1 ใช้คำให้ตรงกับความหมาย คือ มีความหมายโดยตรงหรือโดยนัยหรือมีความหมายแฝง
3.2 คำที่มีหลายความหมาย เช่น กริยา/กิริยา กริยาใช้กับคำที่แสดงอาการของคำนามและสรรพนาม และกิริยาใช้กับอาการแสดงท่าทาง เป็นต้น
3.3 คำที่มีความหมายคล้ายกัน เช่น ปรานี/ปราณี ปรานีใช้สำหรับการเอ็นดูด้วยความน่าสงสาร และปราณีใช้สำหรับผู้ที่มีชีวิต,สัตว์,คน เป็นต้น
4. การใช้คำให้ถูกต้อง
4.1 คำลักษณนาม เช่น ปิ่นโต 2 เถา, จินนี่ให้พร 3 ประการ เป็นต้น
4.2 คำเชื่อม เช่น และ, กระทั่ง, ทั้งนี้, แต่ เป็นต้น
4.3 คำในสำนวน เช่น กงเกวียนกำเกวียน คือ เวรสนองเวร กรรมสนองกรรม, ดาบสองคม คือ มีทั้งคุณและโทษ เป็นต้น
4.4 คำราชาศัพท์
ความรู้ใหม่ที่ดิฉันได้รับ
1. คำที่ถูกต้องจากที่เข้าใจผิด คือ ทะเลสาบ, สาปแช่ง, เหม็นสาบ, แมลงสาบ, สาบสูญ
2. คำทับศัพท์ที่ถูกต้องจากที่เข้าใจผิด คือ อินเทอร์เน็ต, ดิจิทอล, อิเล็กทรอนิกส์, อีเมล, เว็บไซต์
ข้อเสนอแนะ
1. ในการใช้คำให้เหมาะสมกับบุคคลและกาลเทศะ การใช้คำสุภาพให้เหมาะสมกับบุคคล เป็นเรื่องที่คนไทยถือเป็นเรื่องที่สำคัญ ควรใช้ให้ถูกต้องและเหมาะสม
2. การใช้คำให้เหมาะสมกับความรู้สึก คำบางคำในภาษาไทยจะแสดงความรู้สึกของผู้ใช้ภาษาได้ ว่ารู้สึกเช่นใด ในขณะเดียวกันก็จะส่งผลต่อความรู้สึกของผู้รับสารได้เช่นกัน หวังว่าท่านจะนำความรู้เหล่านี้ไปเป็นพื้นฐานในการใช้ภาษาไทยในชีวิตประจำวันได้อย่างถูกต้อง
นางสาวกัณตา พุทธสาร รหัสนักศึกษา 55113400178 ตอนเรียน D1
นางสาวกัณตา พุทธสาร รหัสนักศึกษา 55113400178 ตอนเรียน D1